ดอกไม้มีหลายชนิด และยังมีความหมายของดอกไม้

ด้วยนะค่ะ

เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างนะค่ะ

ดั่งนี้   ชนิดของดอกไม้  ช่น

(1)  ดอกไม้ชนิดพุ่ม

1)กุหลาบ
 violet-flowers-6.jpg                                                      ba016_s.jpg

เป็นไม้พุ่มตั้งหรือเลื้อย ใบเป็นใบประกอบ ประกอบด้วย 3 ใบ หรือ 5 ใบ ขอบใบจัก หูใบติดกับก้านใบหรือเป็นอิสระ

ดอกออกที่ปลายกิ่ง มีทั้งดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ กลีบรองดอกเป็นรูปถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกปกติมี 5 กลีบ เกสรตัวเมียอยู่กลางดอกเป็นผลกลม ภายในมีเมล็ดแข็งจำนวนมาก เกสรตัวผู้มีอยู่เป็นจำนวนมาก กุหลาบมีหลายชนิด หลายพันธุ์ ส่วนใหญ่ดอกมีกลิ่นหอมเย็น
การขยายพันธุ์มีหลายแบบ เช่น เพาะเมล็ด ตอน ติดตา และปักชำ

      …กุหลาบหอมหวล                     ส่งกลิ่นยียวนแสนยวนยั่วหัวใจ
ทั้งหอมทั้งหวาน ดอกเพิ่งบานใหม่ ๆ …
      …ฉันมั่นใจกุหลาบเป็นไม้งามละม่อม                     ควรจะออมถนอมชม
ทุก ๆ คนพอใจมักเด็ดเอาไปดอมดม หรือจะชมเสียบผมชื่นอุรา
สวยสีสรรค์ทุก ๆ พรรณสุดจะเด่น กลิ่นเยือกเย็นสีที่เห็นไม่บาดตา
กลีบเกสรกลีบอ่อนซ้อนกันดูงามสง่า                     ทุกเวลารวยรื่นนาสาน่าดม…
      …ริมธารละลานไปด้วยบุปผา                     ดอกแดงกุหลาบพนาสลับลัดดากล้วยไม้ไพร…

2)ทองอุไร

img142.jpg                                                bag3_s.jpg

เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2-4 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยที่ปลายชุด ใบย่อยมีลักษณะหยิกเป็นฟันเลื่อย
ทองอุไรออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีเหลืองสด กลีบดอกติดกันเป็นรูปกรวย ปลายกลีบแยกออกเป็น 5 แฉก ปลายกลมมน  ผลเป็นฝัก เมื่อฝักแก่ ภายในจะมีเมล็ดแบบมีปีก ทองอุไรออกดอกตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

3)  เดือนฉาย

img181.jpg                                             ba045_s.jpg

เป็นไม้ล้มลุกพุ่มเตี้ยสูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ไม่มีก้านใบ
ดอกออกเป็นช่อกลมคล้ายดอกเดี่ยว ก้านดอกกลมยาว ช่อดอกมี ๒ แบบคือ ดอกที่อยู่วงนอกมักมีชั้นเดียว กลีบดอกเป็นแผ่นแบนบาง หรือเป็นหลอดเล็ก ๆ ดอกที่อยู่กลางช่อมีจำนวนมาก กลีบดอกเชื่อมกันเป็นท่อสั้น ๆ ดอกมีหลายสี เช่น ขาว เหลือง ส้ม และแดง
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

4)บานเช้า

img201.jpg                                                          ba044_s.jpg 
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนกัน สัณฐานเป็นรูปรี ปลายและโคนแหลม  ขอบจัก
ดอกออกตามยอดเป็นดอกเดี่ยว ดอกมี ๕ กลีบ เชื่อมติดกันที่โคนเป็นรูปปากแตร ดอกสีขาวนวล ตอนกลางสีนวล โคนกลีบสีเหลือง ดอกจะบานเวลาเช้าจนถึงใกล้เที่ยงจึงหุบ ดอกออกเกือบตลอดปี
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือปักชำ

5)ผกากรอง

img221.jpg                                                     b012_s.jpg

เป็นไม้พุ่ม ลำต้นสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยวรูปไข่ ปลายแหลมออกเป็นคู่ตรงข้าม ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ผิวใบมีขน
ดอกเป็นช่อกลม ก้านยาว มีดอกย่อยจำนวนมากเรียงตัวกันแน่น บนแกนช่อซึ่งหดสั้น ดอกบริเวณรอบนอกจะบานก่อน ดอกผกากรอง มีหลายสี เช่น แดง ส้ม ชมพู เหลือง และขาว เป็นต้น อาจมีสองสีใบดอกเดียวกัน ผลมีสัณฐานกลมขนาดเล็ก เมื่อสุกจะออกสีดำ
ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ

5)ยี่โถ

img381.jpg                                                    ba004_s.jpg
เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2 เมตร ใบเดี่ยวหนาแข็งและแคบยาวประมาณ 15 เซนติเมตร
ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกลา ชนิดดอกซ้อนมีขนาดดอกโตกว่าและมีกลิ่นหอม สีชมพูแก่ส่วนชนิดดอกลามีหลายสี  ตั้งแต่สีขาว เหลืองนวล ชมพูอ่อน ชมพูแก่ แดงอ่อนแดงแก่และแดงดำ ออกดอกตลอดปี
ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

(2)ดอกไม้ชนิดเป็นเถา

1)พวงคราม

pic081.jpg                                          bas34_s.jpg
เป็นไม้เถา กิ่งก้านเรียวเล็ก ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ มีสัณฐานรี กว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-18 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนสอบแคบ ขอบใบเรียบ
ดอกออกเป็นช่อ ห้อยย้อยตามง่ามใบ สีม่วง หรือ สีม่วงคราม โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรตัวผู้มี  4 อัน
ออกดอกใบฤดูหนาวและแห้งโดยจะทิ้งใบหมด

ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือการตอน
2)พวงชมพู

pic091.jpg                                                      v031_s.jpg        
เป็นไม้เถาเลื้อยพันโดยอาศัยมือเกาะ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปไข่ หรือรูป สามเหลี่ยมปลายแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบเส้นใบเห็นได้ชัด
ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดหรือตามง่ามใบ ดอกมี 5 กลีบ สีชมพู หรือสีขาว ออกดอกตลอดปี
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการชำกิ่ง

3)เล็บมือนาง

pic141.jpg                                            ba006_s.jpg
เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ มีสัณฐานรีหรือรีแกมขอบขนาน ใบกว้างประมาณ 3-9 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-18 เซนติเมตร โดยใบกลมปลายใบเรียวแหลม
ดอกออกเป็นช่อใหญ่ ห้อยระย้า บริเวณยอดและง่ามใบ สีดอกแรกบานสีขาว จากนั้นเป็นสีชมพูและแดงเข้ม มีกลิ่นหอม ช่อดอกยาว 2-20 เซนติเมตร โดยดอกมีใบประดับ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง เขียนติดกันเป็นหลอดเล็กและยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ ออกดอกตลอดปีพบขึ้นตามชายป่า นิยมปลูกเป็นไม้ประดับให้เลื้อยเป็นซุ้ม
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การตอน หรือทับกิ่ง

(3)ไม้ยืนต้นที่ให้ดอกไม้

 1)ชัยพฤกษ์

pic491.jpg                                                    ba004_s.jpg

เป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงประมาณ ๑๕ เมตร เรือนยอดเป็นรูปร่ม เปลือกสีน้ำตาล ใบเป็นประเภทใบประกอบมีใบย่อย ผิวใบเกลี้ยง
ออกดอกเป็นช่อคาบกิ่งเป็นช่อสั้น ๆ กลีบรองดอกทรงรูปไข่ปลายแหลมสีแดง กลีบดอกรูปไข่กลีบ สีชมพู  เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ฝักกลมยาวสีดำ ผิวเกลี้ยงยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร มีเมล็ดประมาณ ๖๐ เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

2)ตะลิงปริง

pic501.jpg                                         a006_s950.jpg  

เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๑๐ เมตร ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนกที่มีใบเดี่ยวอยู่ตอนปลาย มีใบย่อยประมาณ ๒๕ – ๔๕ ใบ ใบย่อยรูปขอบขนานแถบรูปหอก ปลายใบแหลมยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร
ออกดอกตามกิ่งข้างและตามลำต้นบนช่อดอกสั้น ๆ กลีบดอกสีม่วงแดง ผลยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร รอบผลเป็นร่องมี ๕ ร่อง  เมื่อสุกจะออกสีเขียวอมเหลือง ฉ่ำน้ำ เมล็ดแบนมีรสเปรี้ยว
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการทาบกิ่ง

3)ตะแบกนา

pic511.jpg                                         a018_s1050.jpg

เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกลำต้นเกลี้ยงผิวนวลเป็นมัน ใบเดี่ยวรูปหอก ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร
ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เมื่อดอกบานจะมีขนาดประมาณ ๒ เซนติเมตร กลีบดอกบานย่นสีม่วงอมชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีชัด ผลรูปไข่ เมื่อผลแก่ออกสีน้ำตาล แตกอ้าออกเป็นหลายกลีบ เมล็ดแบนสีน้ำตาลมีปีก ออกดอกระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแทบทุกภาค และตามทุ่งนาทั่วไป
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

4)ประดู่แดง

pic651.jpg                                                                     ba016_s.jpg

เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๐ เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง กิ่งลู่ลงดิน ใบเป็นประเภทใบประกอบ มีใบย่อย ๖-๑๐ คู่ ใบที่อยู่ปลายยอดจะเป็นคู่ที่ใหญ่ที่สุด ใบย่อย 2 ข้างมีขนาดไม่เท่ากัน ใบมีสัณฐานรูปไข่หรือรูปหอกผิวใบเกลี้ยง
ออกดอกเป็นช่อเกาะเป็นกระจุกตามกิ่ง ๓-๕ กระจุก แตะละกระจุกมีประมาณ ๓-๕ ดอก กลีบรองดอกมี ๔ กลีบสีแดง กลีบคุ่มเหมือนเรือ เกสรสีแดง มีขนาดความยาวไม่เท่ากัน ผลเป็นฝักแบนรูปขอบขนานโค้งเล็กน้อยยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร แต่ละฝักมี ๑ เมล็ด ออกดอกเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกจะบานประมาณ ๒ สัปดาห์
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

5)พี้จั่น

pic711.jpg                                                    ba045_s.jpg

เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๒ เมตร  โคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกลำต้นสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นแบบใบประกอบแบบขนนกเรียงตัวเป็นคู่ ๆ ปลายช่อใบจะมีใบย่อย ๑ ใบ
ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งข้าง หรือออกพร้อมกับใบที่ผลิใหม่  กลีบรองดอกสีม่วงเข้มเกือบดำ  เมล็ดกลมแบน  ออกดอก    เดือนธันวาคมถึงมกราคม  ขึ้นในป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วไป
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

6)ราชพฤกษ์

pic752.jpg                                                                 bag3_s.jpg

เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๓ เมตร เปลือกลำต้นเรียบเกลี้ยงสีเทาอ่อน ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ ๑๐ คู่
ออกดอกเป็นช่อ  ออกตามกิ่งข้างและห้อยลง ช่อดอกโปร่งยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ดอกมี ๕ กลีบ สีเหลืองสด  หรือสีเหลืองแกมเขียว  เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ผลเป็นฝักกลามยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง เมื่อฝักแก่  จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เมล็ดรูปมนแบนสีน้ำตาลผิวเป็นมัน
ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์ถึงพฤษภาคม ขึ้นทุกภาคตามป่าเญจพรรณหรือป่าแดง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

ดอกไม้มันมีอีกมากมาย อยู่ในโลกนี้   bas48_s.jpg                                      r048_s.jpg     

ที่นำเสนอมาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของดอกไม้

ก็ขอจบแค่นี้นะค่ะ